วิทยาศาสตร์กลายเป็นปัจจัยที่จำเป็นต่อการพัฒนาประเทศ

ปัจจุบันความเจริญเติบโตทางเศรษฐกิจในระยะที่ผ่านมามีอัตราสูงมาก

ทำให้มีการระดมทรัพยากรธรรมชาติโดยเฉพาะ ป่าไม้ ที่ดิน แหล่งน้ำ แร่ธาตุและทรัพยากระประมงมาใช้อย่างสิ้นเปลืองและไม่มีประสิทธิภาพหรือไม่ประหยัด ส่งผลให้เกิดความร่อยหรอและเสื่อมโทรมของทรัพยากรธรรมชาติ  ยิ่งไปกว่านั้นการขาดประสิทธิภาพในการบริหารจัดการทรัพยากรธรรมชาติที่ผ่านมาก็เป็นสาเหตุสำคัญที่ซ้ำเติมให้ทรัพยากรธรรมชาติถูกทำลายลงอย่างรวดเร็ว และนอกจากความร่อยหรอและเสื่อมโทรมของทรัพยากรแล้ว การขยายตัวของกิจกรรมทางเศรษฐกิจโดยเฉพาะอย่างยิ่งอุตสาหกรรมและการท่องเที่ยว ตลอดจนถึงการขยายตัวของประชากรในเขตเมืองได้ก่อให้เกิดปัญหามลพิษในด้านต่างๆอย่างมาก

จากสมัยอดีตจนถีงปัจจุบันวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีมีความเจริญอย่างก้าวกระโดดในช่วงหนี่งร้อยปีที่ผ่านมาในหลายๆด้าน แต่มีวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีในบางด้านนั้นมีความก้าวหน้าน้อยมาก หรือแทบจะอยู่กับที่ นอกจากนั้นแล้วยังเป็นตัวการหลักในการสร้างมลพิษ ส่งผลกระทบต่อสุขภาพของมนุษย์ และจำกัดศักยภาพของเราในการสำรวจอวกาศ เทคโนโลยีเหล่านี้ได้แก่ การผลิตพลังงาน ระบบขับดัน และการรักษาโรคมะเร็ง และการกำจัดเชื้อไวรัส เนื่องจากข้อจำกัดทางด้านเทคโนโลยีเหล่านี้ทำให้มีกลุ่มผู้ไม่หวังดีของโลกได้ใช้ข้อจำกัดนี้เป็นเครื่องมือในการครอบงำประชากรโลกในหลายๆด้าน โดยเฉพาะในเรื่องของต้นทุนในการผลิตสินค้า และความมีอายุยืนของประชากรโลก

ขณะนี้เราอยู่ในยุคที่วิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีเจริญสูงสุด

ทุกอย่างที่เกี่ยวข้องกับตัวเรานั้นเป็นผลมาจากการพัฒนาของวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีทั้งสิ้น อย่างไรก็ตามอิทธิพลของวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีส่วนใหญ่ที่มีต่อเศรษฐกิจ และการเสาะแสวงหาความรู้นั้นยังไม่เป็นที่เด่นชัด ประชาชนส่วนใหญ่ได้รับข้อมูลผิดพลาดเกี่ยวกับความหมาย และอิทธิพลของวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี ที่มีต่อ วัตถุ สังคม และชีวิตความเป็นอยู่ ดังนั้นการให้ความรู้หรือการศึกษาทางวิทยาศาสตร์ จะเป็นการเตรียมคนเพื่อแก้ปัญหาต่างๆในสังคมที่มีการเปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็วในอนาคต และความเปลี่ยนแปลงต่างๆจะยิ่งเกิดขึ้นมากเรื่อยๆ ขณะเดียวกันวิทยาศาสตร์ก็จะเข้ามามีส่วนเกี่ยวข้องกับสังคมมากขึ้น

ในประเทศที่พัฒนาแล้ว ปัจจัยที่จำเป็นต่อการพัฒนาประเทศและพัฒนาคุณภาพชีวิตไปสู่การกินดีอยู่ดีของประชากรโดยส่วนรวมนั้น คือ การมีฐานทางวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีที่เข้มแข็ง มีการนำเทคโนโลยีไปใช้ในการดำเนินชีวิตเพื่อประโยชน์ทางเศรษฐกิจและสังคม ทั้งนี้ถึงแม้ว่าการศึกษาทางด้านวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีจะก้าวล้ำเพียงใดก็ตาม หากไม่เรียนรู้ควบคู่กับคุณธรรม จริยธรรม และคุณค่าของวัฒนธรรมในสังคมของตนเองแล้ว ย่อมส่งผลให้คนในสังคมขาดสมดุล ดังนั้นการเรียนรู้ทางวิทยาาศาสตร์และเทคโนโลยีควบคู่กับการพัฒนาทางด้านสังคม แบบบูรณาการร่วมกันแล้ว ย่อมส่งผลให้คุณภาพชีวิตของคนในสังคมนั้นๆพัฒนาไปอย่างยั่งยืน